ตรวจสุขภาพ ส่องความเสี่ยงโรค
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในสังคมยุคปัจจุบัน ความต้องการความคาดหวังในการดูแลสุขภาพจากระบบสาธารณสุขของไทยมีมากขึ้น การเข้าถึงโรงพยาบาลในระบบสาธารณสุข ไม่ว่าของภาครั๙หรือเอกชน สามารถทำได้ง่ายในประเทศไทย ประชาชนต่อคิวรอเข้ารับการรักษาโรค “ที่เกิดขึ้นแล้ว” มาระยะหนึ่งจนแสดงอาการแล้ว การรักษาเช่นนี้คือการรักษาเชิงรับทางการแพทย์ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเริ่มหันมาตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อที่จะได้เริ่มการรักษาได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “การป้องกันโรคทุติยภูมิ”
การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นการตรวจหาโรค หรือความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในระยะอันใกล้ เพื่อที่แพทย์จะได้เริ่มและวางแผนการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ การตรวจสุขภาพแบบนี้อาจตอบโจทย์สังคมยุคปัจจุบันที่ต้องการความเร่งรีบ เพราะสามารถกำหนดเวลาตรวจได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะในหน่วยงานเอกชน
อย่างไรก็ตามการตรวจสุขภาพหรือการ “คัดกรอง” การตรวจพบว่ามีผลที่ไม่น่าเป็นที่พอใจ อาจจะไม่สามารถวินิจฉัยได้ทันทีว่าเป็นโรคนั้นๆ ยังคงต้องมีการตรวจติดตามเพิ่มเติมอีก ในทางกลับกันการได้ผลการตรวจที่ดี ไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกตรวจจะ “ปราศจากโรค” และละเลยการดูแลสุขภาพจนถึงคิวตรวจครั้งต่อไป ในการตรวจสุขภาพนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งจะให้บริการดังนี้
• การตรวจร่างกายเบื้องต้นโดยแพทย์ เป็นกาตรวจการทำงานทุกระบบคร่าวๆ อาจจะเน้นการตรวจระบบเฉพาะ เช่น การตรวจตาโดยจักษุแพทย์ หรือตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยสูตินรีแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจของการตรวจ
• การตรวจเลือด โดยขั้นพื้นฐานจะประกอบไปด้วยการดูคุณภาพของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ค่าโปรตีนเพื่อดูการทำงานของไต เกลือแร่ในเลือด ตรวจดูค่าการทำงานของตับ อาจมีไปจนถึงตรวจระดับฮอร์โมนธัยรอยด์ ระดับกรดยูริค และสารบ่งชี้มะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจของการตรวจ
• การตรวจปัสสาวะและอุจจาระ เพื่อหาโปรตีนไข่ขาวที่รั่วมาในปัสสาวะ และเม็ดเลือดในอุจจาระ เพื่อหาภาวะเบาหวานลงไต และสัญญาณของมะเร็งในลำไส้ตามลำดับ
• การตรวจทางรังสี ขั้นพื้นฐานก็จะเป็นการเอกซเรย์ทรวงอก เพื่อดูสมรรถภาพปอดและหัวใจโดยคร่าวๆ นอกจากนี้ยังมีการอัลตราซาวด์ช่องท้อง เอกซเรย์และอัลตราซาวน์เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจของการตรวจ
• การตรวจอื่นๆ ที่จำเพาะ ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคือการตรวจหลายๆ อย่างเพื่อดูสมรรถภาพของหัวใจ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การวิ่งสายพาน การตรวจดูการทำงานของหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) หรือตรวจดูความหนาแน่ของมวลกระดูก
จากข้อมูลข้างต้นผู้อ่านอาจจะได้ภาพรวมของการตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้สามารถพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสม ของความสำคัญของแต่ละอย่างได้ สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี ที่ต้องการตรวจสุขภาพ อาจจะเลือกแพคเกจขั้นพื้นฐานที่สุดก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ยังน้อยอยู่สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือผู้ที่มีความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อม เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา แนะนำให้เลือกแพคเกจจัดเต็มสักครั้ง โดยเฉพาะในการตรวจครั้งแรก เช่น ถ้าผู้ชาย 35 ปี สูบบุหรี่ อาจจะเลือกแพคเกจแบบที่มีการตรวจสมรรถภาพของหัวใจด้วย สำหรับผู้หญิงแนะนำให้ทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านมอย่างใกล้ชิด เพราะว่าตรวจคัดกรองได้ง่าย แต่ถ้าเป็นแล้วรักษาไม่ง่าย (ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งด้วยนะครับ)
สุดท้ายทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการป้องกันแบบทุติยภูมิ คือค้นหาให้เร็วและหยุดการดำเนินโรค แต่ผมยังคงเชื่อในพุทธปรัชญาว่า “อโรคยา ปรมาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ หรือการป้องกันแบบปฐมภูมิ เช่น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมก่อโรค เช่น โรคเบาหวานจากอาหารหวาน โรคหัวใจจากสุราและบุหรี่ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามฤดู หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง รวมถึงการเสริมความรู้เกี่ยวกับตัวโรคต่างๆ เอง
╔══╗
╚╗╔╝ ❣ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ➰สั่งซื้อสินค้า
╔╝(¯`v´¯) ♥ # www.vetaming.com♥
╚══`.¸.💎โทร 0832365945. 💎